เกณฑ์ที่ใช้ในการจำแนกหมวดหมู่

จำนวนชั้นของชั้นเนื้อ
          1. ไม่มีชั้นเนื้อ เช่น ฟองน้ำ
          2. มี 2 ชั้น
          3. มี 3 ชั้น          
ช่องลำตัว (coelom)
          -ไม่มีช่องว่างในลำตัวหรือไม่มีช่องตัว (No body cavity or acoelom) เป็นพวกที่มีเนื้อเยื่อ 3 ชั้น
อยู่ชิดกัน โดยไม่มีช่องว่างในแต่ละชั้น ได้แก่ พวกหนอนตัวแบน
          -มีช่องตัวเทียม (Pseudocoelom) เป็นช่องตัวที่เจริญอยู่ระหว่าง mesoderm ของผนังลำตัว และ endoderm ซึ่งเป็นทางเดินอาหาร ช่องตัวนี้ไม่มีเยื่อบุช่องท้องกั้นเป็นขอบเขต ได้แก่ พวกหนอนตัวกลม โรติเฟอร์ (rotifer)
          -มีช่องตัวที่แท้จริง (Eucoelom or coelom) เป็นช่องตัวที่เจริญแทรกอยู่ระหว่าง mesoderm 2 ชั้น คือ mesoderm ชั้นนอกเป็นส่วนหนึ่งของผนังลำตัว (Body wall) กับ mesoderm ชั้นในซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผนังลำไส้ (Intestinal wall) และ mesoderm ทั้งสองส่วนจะบุด้วยเยื่อบุช่องท้อง (Peritoneum) ได้แก่ ไส้เดือนดิน หอย แมลง ปลา สัตว์มีกระดูกสันหลัง
                           ภาพ แสดงภาคตัดขวางลำตัวของหนอนตัวกลม
                           ที่มา : www.nana-bio.com 

สมมาตร (Symmetry)
          -ไม่มีสมมาตร (Asymmetry) มีรูปร่างไม่แน่นอน ไม่สามารถแบ่งซีกซ้ายและซีกขวาได้เท่าๆ กัน ได้แก่ พวกฟองน้ำ
          -สมมาตรแบบรัศมี (Radial symmetry) ร่างกายของสัตว์จะมีรูปร่างคล้ายทรงกระบอก หรือล้อรถ ถ้าตัดผ่านจุดศูนย์กลางแล้วจะตัดอย่างไรก็ได้ 2 ส่วนที่เท่ากันเสมอ หรือเรียกว่า มีสมมาตรที่ผ่าซีกได้เท่าๆ กันหลายๆ ครั้งในแนวรัศมี ได้แก่ สัตว์พวกไฮดรา แมงกะพรุน ดาวทะเล เม่นทะเล
          - สมมาตรแบบครึ่งซีก (Bilateral symmetry) หรือมีสามาตรที่ผ่าซีกได้เท่าๆ กัน เพียง 1 ครั้ง สมมาตรแบบนี้สามารถผ่า หรือตัดแบ่งครึ่งร่างกายตามความยาวของลำตัวแล้วทำให้ 2 ข้างเท่ากัน ได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ได้แก่ พวกหนอนตัวกลม แมลง สัตว์มีกระดูกสันหลัง   
                                   ภาพ แสดงสมมาตรรัศมี และสมมาตรด้านข้าง
                                   ที่มา : www.nana-bio.com

ปล้องลำตัว (Segmentation)  การแบ่งเป็นปล้องเป็นการเกิดรอยคอดขึ้นกับลำตัวแบ่งออกเป็น    
          - การแบ่งเป็นปล้องเฉพาะภายนอก (Superficial segmentation) เป็นการเกิดปล้องขึ้นเฉพาะที่ส่วนผิวลำตัว เท่านั้นไม่ได้เกิดตลอดตัว เช่น พยาธิตัวตืด
          - การแบ่งเป็นปล้องที่แท้จริง (Metameric segmentation) เป็นการเกิดปล้องขึ้นตลอดลำตัวทั้งภายนอกและภายใน โดยข้อปล้องเกิดขึ้นในเนื้อเยื่อชั้นกลาง ทำให้เนื้อเยื่อชั้นอื่นๆ เกิดเป็นปล้องไปด้วย ได้แก่ ไส้เดือน กุ้ง ปู แมลง ตลอดไปจนสัตว์มีกระดูกสันหลังทุกชนิด
ระบบทางเดินอาหาร (Digestive tract)
          - ทางเดินอาหารแบบไม่สมบูรณ์ (Incomplete digestive tract) เป็นทางเดินอาหารของสัตว์ที่มีปากแต่ไม่มีทวารหนัก หรือมีช่องทางเดินอาหารเข้าออกทางเดียวกัน หรือทางเดินอาหารแบบปากถุง (One-hole-sac) ได้แก่ พวก แมงกะพรุน                                                                                           
          - ทางเดินอาหารแบบสมบูรณ์ (Complete digestive tract) เป็นทางเดินอาหารของสัตว์ที่มีทั้งปากและทวารหนัก หรือมีช่องทางเข้าออกของอาหารคนละทางกัน หรือทางเดินอาหารแบบท่อกลวง (Two-hole-tube) ได้แก่ พวกหนอนตัวกลม จนถึงสัตว์มีกระดูกสันหลัง
        ภาพ แสดงระบบทางเดินอาหารของไฮดรา 
        ที่มา : www.sites.google.com 

การเกิดช่องปาก ซึ่งสามารถแบ่งสัตว์ตามการเกิดช่องปากได้ 2 กลุ่ม คือ
          - โปรโตสโตเมีย (Protostomia) เป็นสัตว์พวกที่ช่องปากเกิดก่อนช่องทวารในขณะที่เป็นตัวอ่อน
ซึ่งช่องปากเกิดจากบลาสโตพอร์ หรือบริเวณใกล้ๆ 
          - บลาสโตพอร์ (Blastopore) ได้แก่ พวกหนอนตัวแบน หนอนตัวกลม หนอนมีปล้อง หอย
สัตว์ขาปล้อง 
ระบบประสาท                                                                                         
          - ไม่มีระบบประสาท ได้แก่ ฟองน้ำ
          - cnidarian มีระบบประสาทแบบ nerve net
ภาพ แสดงโครงสร้างของฟองน้ำ 
ที่มา : www.pinterest.com 


3 ความคิดเห็น: